โดยปกติ
ลูกแมวจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการขับถ่ายจากแม่ของมัน ด้วยการสังเกตดูวิธีการของแม่
ดังนั้นในระยะนี้ ท่านจึงควรจัดหาที่ขับถ่ายให้ เพื่อที่พวกมันจะได้ไม่ต้องไปหาที่ขับถ่ายเอง
แต่หากลูกแมวของท่านขาดต้นแบบที่จะคอยสอน ท่านเจ้าของก็จำเป็นจะต้องฝึกสอนให้เอง
โดยการหาสถานที่สำหรับเป็นที่ขับถ่ายของพวกมัน หากท่านเห็นเจ้าเหมียวของท่านทำท่าจะขับถ่ายออกมา
ท่านต้องรีบจับตัวแมวของท่านไปนั่งที่ส้วมแมว ใช้มือจับอุ้งเท้าหน้าทั้งสองไว้แล้วทำท่าขุดลงไปที่วัสดุที่เป็นส้วมแมว
ถ้าทำบ่อยๆ แมวก็จะเรียนรู้ได้ในเวลาอันสั้น
หรือบางท่านอาจจะใช้วิธีนำอุจจาระของแมวมาวางไว้ในส้วมแมวเป็นการตั้งต้น
หากเจ้าเหมียวได้กลิ่นแล้ว ก็จะมาใช้บริการของส้วมแมวทันที โดยเราสามารถฝึกได้ตั้งแต่เจ้าเหมียวอายุได้
3 - 4 สัปดาห์
ข้อคำนึงในการใช้ส้วมแมว
- ส้วมแมวควรอยู่ในที่สงบ ปราศจากคนพลุกพล่าน มีความเป็นส่วนตัว
- ไม่ควรตั้งส้วมแมวไว้ใกล้กับที่ให้อาหารและน้ำ เพื่อป้องกันโรค
- ใช้วัสดุในการทำส้วมแมวอย่างเหมาะสม โดยอาจใช้ทรายสำหรับส้วมแมวที่มีขายตามท้องตลาดทั่วไป
ซึ่งมีคุณสมบัติจับของเสียได้ดี และตักทิ้งได้ง่ายอีกด้วย
- ปริมาณวัสดุของส้วมแมวต้องมีมากพอในระดับที่เจ้าเหมียวสามารถขุดและฝังของเสียของตัวเองได้
- ควรตักสิ่งสกปรกออกบ่อยๆ เพื่อให้ส้วมแมวสะอาด น่าใช้ และไม่เป็นแหล่งก่อโรค
- เมื่อแมวคุ้นเคยกับวัสดุแบบใด ก็ไม่ควรเปลี่ยนวัสดุนั้นอีก
- ควรเปลี่ยนวัสดุที่ใช้ทำส้วมแมวทุก 3 วัน รวมทั้งทำความสะอาดภาชนะที่ใช้ทำส้วมแมวให้ดีด้วยการล้างและฆ่าเชื้อก่อนนำมาใช้ใหม่
การทำส้วมแมว
การทำส้วมแมวนั้น สามารถทำได้โดยใช้ถาดพลาสติกที่มีขอบสูงประมาณ
2 - 3 นิ้ว ที่กว้างขวางพอที่แมวจะหมุนตัวเพื่อกลบของเสียของตัวเองได้
และสามารถทำความสะอาดได้ง่าย วัสดุที่ใช้ในส้วมแมวนั้น เดิมที่มักจะใช้เป็นทราย
แต่ทรายมีข้อเสียตรงที่ความเปียกชื้นจะลงไปหมักหมมอยู่ที่ก้นถาด
และยังไม่สามารกลบกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย ดังนั้น ในปัจจุบันจึงมีการผลิตทรายสำหรับทำส้วมแมวโดยเฉพาะออกมา
ซึ่งมีคุณสมบัติดูดซับความเปียกชื้นได้ดี สามารถตักเฉพาะส่วนออกไปทิ้งได้
ดังนั้นกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์จะไม่รบกวนผู้คนในบ้าน และยังเป็นส้วมที่สะอาดที่เจ้าเหมียวทั้งหลายชื่นชอบ
จูงเหมียวเที่ยว
หลายๆท่านคงจะคิดว่า
เจ้าเหมียวที่แสนจะรักอิสระขนาดนี้ จะยอมถูกจูงเดินเหมือนกับสุนัขได้อย่างไร
แต่อย่างไรก็ตาม การฝึกแมวให้เดินเที่ยวไปมากับเจ้าของนั้น สามารถทำได้
แต่จะต้องใช้ระยะเวลาฝึกฝนที่ยาวนาน และจะต้องมีความอดทนมากเป็นพิเศษ
และก็ใช่ว่าแมวทุกตัวจะยอมรับและปฏิบัติตามคำสั่งได้เป็นอย่างดี
ชาวต่างชาติเขาได้ทำการศึกษามาแล้วว่า มีแมวเพียงไม่กี่สายพันธุ์เท่านั้นที่สามารถฝึกจูงเที่ยวได
เช่น Siamese หรือแมวไทยของเรานี่เอง หรือ Burmese, Russian Blue
เป็นต้น แต่แมวบางตัว แม้ไม่ใช่พันธุ์แท้ก็สามารถฝึกได้เช่นกันค่ะ
วิธีหัดก็ควรจะหัดตั้งแต่ลูกแมวเพิ่งหย่านมใหม่ๆนั่นแหละค่ะ หรือจะหัดตอนที่โตแล้วก็ได้
แต่ให้เริ่มแต่เล็กจะดีกว่า โดยควรจะหัดให้เขามีความคุ้นเคยกับปลอกคอเสียก่อน
โดยการจัดหาปลอกคอพิเศษ ที่เป็นปลอกคอแบบอาน ที่พันบริเวณขาและช่วงอก
จะทำให้แมวสบายมากกว่า การใส่ปลอกคอจะต้องไม่รัดมากเกินไป สายฝึกควรเบาและสั้นไม่ควรยาวเกิน
5 ฟุต จากนั้นให้ใส่ปลอกคอพร้อมสายจูงกับลูกแมว ให้ลูกแมวลากเล่นไปมาก่อน
เราอาจจะใช้อาหารเป็นตัวล่อ ให้เจ้าเหมียวมีความสนใจมากขึ้นก็ย่อมได้
การฝึกในขั้นแรก ควรเตรียมอาหารหรือของล่อใจไว้ให้แมวก่อน และสวมปลอกคอให้แมวคุ้นเคย
หากแมวยอมลุกขึ้นเดินมาหาผู้ฝึก ให้ให้รางวัลแก่แมว ทำซ้ำๆจนมันคุ้นเคยกับปลอกคอ
หากแมวรู้สึกชินแล้ว สามารถใส่สายจูงได้
การฝึกขั้นที่สอง คือการสอนแมวเดินในสายจูง ผู้ฝึกถือสายฝึกอยู่ในมือก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว
พร้อมกระตุกสายจูงอย่างนุ่มนวล หากแมวยอมเดินตามให้ท่านให้รางวัลที่เตรียมไว้
หลังจากฝึกจนชินแล้ว ก็ค่อยๆลดอาหารที่เป็นรางวัลลง การจูงแมวอาจจูงให้เดินไปทางซ้ายหรือขวาของผู้ฝึกก็ได้
ในกรณีที่มีปัญหา ท่านอาจอุ้มแมวขึ้นมาด้วยมือขวา และยึดสายฝึกอยู่ที่มือซ้าย
หากแมวดินรนจะหนีจากสายฝึก ให้ท่านอดทนและสุภาพ แต่หากแมวปฏิบัติได้ดี
ก็ควรให้รางวัล และฝึกขั้นต่อไป
ขั้นที่สามคือการฝึกออกนอกบ้าน ซึ่งการฝึกแมวจะแตกต่างจากสุนัข
เนื่องจากแมวจะไวกับสภาวะรอบตัวมาก ท่านจึงไม่ควรบังคับให้แมวเดินเร็วเกินไป
ควรเดินช้าๆ ให้แมวรู้สึกสนุกไปด้วย หากแมวเกิดความกลัวก็อย่าพาออกนอกบ้านเลยค่ะ
แต่หากท่านจะฝึกให้แมวเดินตามโดยไม่มีสายจูง ก็สามารถใช้หลักการเดียวกันได้
แต่ไม่ควรออกนอกบ้าน เพราะแมวอาจตื่นตกใจและหนีไปโดยเราจับไม่ทันได้
แต่ท่านก็ต้องสังเกตด้วยนะคะ ว่าเจ้าเหมียวของท่านยอมทำตามหรือเปล่า
ถ้ามีอาการขัดขืนอย่างรุนแรงแล้วล่ะก็ อย่าไปฝึกเขาเลยค่ะ แต่ถ้ามีท่าทียินยอมแล้ว
ท่านก็สามารถพาเจ้าเหมียวของท่านไปเที่ยวได้ด้วยสายจูงค่ะ การเดินไปพร้อมๆกัน
จะทำให้สัมพันธภาพของคนกับแมวดีขึ้นแน่นอนค่ะ |